
ให้ปลาฉันหนึ่ง ตัวฉันมีกิน แค่หนึ่งวัน สอนฉันจับปลา ฉันมีกินตลอดไป
เราควรจะให้เบ็ดตกปลา แล้วสอนวิธีการหาปลาให้แก่ลูก ไม่ใช่…ให้ปลาลูก
เพื่อให้เขารู้จักการเอาตัวรอด ในสังคมและรู้จักการหากินด้วยตัวของเขาเอง
วันนี้เรามีเรื่องราวข้อคิดดีๆมาฝาก คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ เพื่อนำข้อคิดกดีๆนี้
ไปสอนลูกสอนหลาน ในการดำเนินชีวิตที่ดี และประสบความเร็จ
ในสภาพสังคมยุคปัจจุบัน วัยรุ่นคนหนึ่งขอเงิ นแม่ ไปเที่ยว
แม่บอกว่า… “ลูกรู้ไหมว่าสมัยแม่อายุเท่าลูก ไม่เคยเที่ยวที่ไหน
ต้องทำงานทุกอย่างพับถุงกระดาษขา ย ตัดใบตองให้แม่ค้า เ งินทองหาย าก
แต่ละบาท แต่ละสตางค์ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ จะไปเที่ยวอย่างนี้ไม่ได้…”
วัยรุ่นคนนั้นได้แต่ฟังแม่เงียบๆ…
“ลูกต้องรู้จักความลำบาก ไม่งั้นอีกหน่อย เกิดตกย าก แล้วจะทำยังไง
ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น ใช้เงิ นอย่างนี้ จะเอาตัวรอดได้ยังไง”
เมื่อแม่เทศน์จบก็ควักเ งินยื่นให้ลูก…
นี่ไม่ใช่เรื่องแต่งพ่อแม่จำนวนมากทำอย่างนี้เมื่อลูกขอเงิ นไปเที่ยว
จะเล่าย้อนไปถึงชีวิตลำบากของตนในวัยเท่ากันแล้วลงท้ายให้เ งินลูกไป…!
คนหาเช้ากินค่ำสมัยก่อน ไม่มีคำว่า“มรดก”ในพจนานุกรมชีวิต
ทุกอย่างในชีวิต ต้องหามาเองด้วยสองมือทว่าคนรุ่นนี้
เมื่อลืมตาอ้าปากได้ และเป็นพ่อแม่ มักจะทำให้ลูกเสียคน
โดยไม่ตั้งใจ พ่อแม่จำนวนมาก เก็บเ งิน เก็บทองไว้ โดยไม่ยอมใช้
บอกว่า“เก็บไว้ให้ลูก” เหตุผลอาจเพราะพ่อแม่ ไม่อย ากให้ลูกผ่าน
ความลำบากเหมือนตัวเอง การให้ทุกอย่างแก่ลูก เหมือนสะท้อนสิ่งที่ตัวเอง
อย ากได้ในวัยเด็ก แต่มันกลับสร้างนิสัย ไม่สู้งานหนักไปโดยปริย าย
ไม่มีเ งิน ก็เป็นปัญหาแบบหนึ่ง มีเงิ นก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง…!!บางครั้งและบ่อยครั้งการมีเ งินมาก
อาจทำให้เลี้ยงลูกย ากขึ้น เงิ นก็เหมือนคอเลสเตอรอล น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็อั นตรา ย
ในสังคมบูชาคนรวย ให้ค่ากันที่ภายนอก และต้องการรวยทางลัด
การอบรมสั่งสอน จึงย ากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสภาพแวดล้อม รอบตัวทางเดียว
ที่จะให้ลูกโตขึ้นแล้วยืนด้วยตัวเองได้ คือต้องสอนเรื่องวินัยการใช้เงิ น
ไม่พอกพูนด้วยคอเลสเตอรอลแห่งวัตถุนิยมมากเกินไป จนอ่อนแอพ่อแม่
ต้องมองภาพกว้างและมองให้ออกว่า หากให้มากเกินไป จะทำให้ลูกทำอะไรไม่เป็นเลยหรือเปล่า…
ความรักย่อมเป็นเรื่องดีแต่ต้องรักให้ถูกวิธีด้วย คนรวยที่ฉลาดรู้ว่า การได้เ งินเป็นเรื่องง่าย
กว่าการสูญเสียเงิ นและคนที่ไม่รู้จักหาเ งิน มักเสียเงิ นได้ง่ายกว่าคนที่รวย จากสมบัติที่ได้มาง่ายๆ
จากมรดกอาจจะขาดความรู้สึกดีๆ ของการสร้างตัว ด้วยมือตัวเอง มีตัวอย่างจริงไม่น้อย
ที่คนรวยแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งให้องค์กรการกุศล และที่เหลือให้ลูกหลานเพื่อให้ลูกหลาน
เรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง มหาเศรษฐีลำดับต้นๆของโลกอย่างวอร์เรนบัฟเฟตต์บอกว่า…ลูกๆของเขา
จะต้องหาเส้นทางของพวกเขาเอง แน่นอนลูกๆของเขาก็รู้ว่า เขารอช่วยทุกอย่าง
แต่ก็ต้องลงแรงทำงานการ ให้เงิ นทองแก่ลูกหลานด้วยจำนวนที่มากพอสบายทั้งชีวิต
เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีนัก
เพราะการให้มากไปอาจทำให้ลูกจับปลาเองไม่เป็น บัฟเฟตต์จึงให้มรดกแก่ลูกหลาน…
“มากพอที่พวกเขารู้สึกว่าสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ไม่มากพอที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย
”เราต้องสอนค่านิยมชื่นชมบุคคล ที่สร้างตนเองจากศูนย์อย่างสุจริต รู้คุณค่าของการทำงาน
การสร้างตัวไม่กลัวงานหนัก สิ่งที่ควรให้ลูกมากกว่าเงิ นก็คือความเอาใจใส่นี่
อาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการให้เงิ นอย่างเดียว ตามสุภาษิตที่ว่า…
“สอนลูกจับปลาไม่ใช่จับปลาให้ลูก”
ขอบคุณวินทร์เลียววาริณ, dekwat999