
ไม่สำคัญว่า…มีทรัพย์มากหรือน้อย แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องใช้ให้น้อยต่างหาก ชีวิตจึงจะมีเหลือมากกว่าขาด
คนจนยิ่งจนเพราะ พย าย ามทำตัวรวย คนรวย ยิ่งรวย เพราะ ทำตัวติดดิน ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็น
คนโชคดีที่สุดในโลก ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนอาภัพอับโชคที่สุดในโลก
คนที่มีความสุข…มิใช่คนที่มีมากที่สุด แต่เป็นคนที่ต้องการน้อยที่สุด ยิ่งมีความต้องการน้อยลง สมบัติที่มีอยู่เดิม ก็ดูเหมือนมีมากขึ้น
พออายุเริ่มมากขึ้นถึงค่อยเข้าใจว่า…ใส่นาฬิการาคาสามร้อย หรือ สามล้าน ก็มีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน หิ้วกระเป๋าสามร้อย
หรือ สามแสน ก็ใส่เงินได้เหมือนกัน ดื่มขวดละ สามร้อย หรือ สามพัน เวลาเมาก็อาเจียนเหมือนกัน
อยู่บ้านสามสิบตารางวา หรือ สามสิบไร่ เวลาโดดเดี่ยวก็เหงาเหมือนกัน วันหนึ่ง… คุณจะเข้าใจว่าความสุขอยู่ที่ใจ
ไม่ใช่อยู่ที่มูลค่าข้าวของรอบตัวเรา สาเหตุที่หลายๆคนยังไม่มีความสุขในสิ่งที่ตนมีเพราะ คนเรายังแยกแยะไม่ออกว่า… สิ่งไหนคือความสุข
สิ่งไหนคือความสะดวกสะบาย จึงมักเอามันมาปนกัน และ คิดว่ามันคือสิ่งเดียวกันแต่ถ้าวันหนึ่งคุณอายุมากขึ้น และ ผ่านโลกมามากพอ
คุณจะแยกแยะออกว่า… สิ่งไหนคือความสะดวกสะบาย และ สิ่งไหนคือความสุข คุณจะวางตัวไว้ถูกที่ ใจไว้ถูกตำแหน่ง
รู้ว่าควรทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุขตอนเด็กเรามักเข้ามาตลอดว่า คนที่เรียนเก่งๆ สอบได้คะแนนสูง สอบติดมหาวิทย าลัยดีๆ
จบด๊อกเตอร์หลายๆใบ “คือคนมีความสุข” พอโตขึ้นมาหน่อยเรามักเข้าใจว่าคนที่ได้ทำงานดีๆ เงินเดือนสูงๆ มีชื่อเสียง
เป็นที่รู้จักของคนไปทั่ว มีแต่คนเคารพนับถือ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ “คือคนมีความสุข”
มาวันนี้เพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมาคิดผิดมาตลอด…!!
คนที่มีความสุขที่สุด คือ คนที่ทำงานหรืออาชีพอะไรก็ได้ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีรายได้ไม่ต้องมากมาย
แต่เพียงพอสำหรับรายจ่าย และ เพียงพอต่อรูปแบบการใชชีวิตแบบคนปกติทั่วไปถึงเวลากินก็ได้กิน ถึงเวลานอนก็ได้นอน
มีเวลาว่างก็ไปเที่ยว มีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาให้กับคนรัก มีเวลาให้กับเพื่อนๆ กับส่วนรวม ที่สำคัญคือ
มี สุ ข ภ า พ ร่ า ง ก า ย ปกติไม่มีโรงประจำตัว มีเวลาให้กับตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ แบบไร้ความกังวล นั่นแหละ “คือคนที่มีความสุขอย่างแท้จริง”