Home ข้อคิด 15 ลักษณะของ หัวหน้าที่เก่งจริง ที่ลูกน้องหลายๆคนอยากมี

15 ลักษณะของ หัวหน้าที่เก่งจริง ที่ลูกน้องหลายๆคนอยากมี

1.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความคิดที่ดีทั้งเรื่องงานเรื่องคน

ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เริ่มต้นจาก“หัว” นั่นคือต้องมีความคิดที่ดี ต่อคนรอบข้าง

และรู้จักคิดก่อนพูด ก่อนทำ หากเรามีหัวที่คิดดี พูดดี ทำดี พฤติกร รมเราย่อมสะท้อน

ด้านดีเช่น การพูดชม หรือตำหนิ ก็ต้องคิดเพื่อใช้คำพูดให้เหมาะสม

กับคนนั้นๆ การพูดชม ก็ควรพูดต่อหน้าลูกน้องคนอื่นๆ เพื่อให้เขา

เห็นว่า หากเราทำดี หัวหน้าพร้อมชมเชยเสมอ แต่หากเป็นการตำหนิ

ก็ควรเรียกมาคุย เป็นการส่วนตัวมากกว่า ตำหนิต่อหน้าคนอื่นๆ

ให้เขาเสียหน้าเป็นต้น

2.หัวหน้างานที่ดีรู้จักคิดก่อนพูดพูดในสิ่งที่ดี

สร้างสรรค์คนทุกคน มีปากที่จะพูดอะไรก็ได้ ตามใจเรา แต่หากเราเป็นผู้นำแล้วนั้น

การใช้ปากตามใจเรา ย่อมทำไม่ได้ครับ เพราะหากตอนนั้น เรากำลังโมโหอยู่แต่นำสิ่ง

ที่ไม่ดีไปลงกับลูกน้องแบบนี้ ลูกน้องที่ไหน ก็คงไม่อยากทำงานกับเราจริงไหมครับ!!

ดังนั้นการใช้ปาก ต้องใช้ในทางที่ดี สร้างสรรค์ ใช้ในการบอกเล่าประสบการณ์ใน

การแนะนำ สอนงานต่อลูกน้อง หากลูกน้องคนนั้น ไม่สามารถทำงานนั้นได้

ใช้ในการชื่นชมลูกน้อง ขอบคุณลูกน้อง ให้กำลังใจลูกน้อง

และให้คำแนะนำในการปรับปรุงตนเอง เป็นต้นแบบนี้ดีกว่าเยอะครับ

3.หน้างานที่ดีต้องรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อหน้าลูกน้องและคนอื่นๆที่ร่วมงาน

คนบางคน อาจเป็นเสือยิ้มย าก โดยพฤติก รรม แต่พฤติก รรม ก็ย่อมสามารถ

เปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากเราเข้าใจ ในบทบาทของการเป็นผู้นำ

เพราะการเป็นผู้นำ ต้องเป็นคนที่สามารถ เข้าถึงได้ในทุกๆคน

ทุกๆระดับ ไม่มีอีโก้ ดังนั้นสิ่งที่จะลดอีโก้ตนเองได้นั้น

ต้องรู้จักเป็นคนที่สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส อาจไม่ต้องถึงกับ

เป็นคนที่ตลก แต่ต้องทำให้ลูกน้องสบายใจ ที่จะเข้ามาพูดคุย

ปรึกษาทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว เพราะเมื่อไหร่

ที่ลูกน้องกล้า ที่จะเดินเข้ามาหาผม เชื่อว่าปัญหา

ย่อมคลี่คลาย ไม่ทำให้ปัญหา มีผลกระทบ ต่อคนๆนั้น

ในระยะย าว ซึ่งหน้าที่ของคนเป็นหัวหน้า ก็ต้องพร้อมแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ดังคำว่ามีสุขคูณสอง แต่มีทุกข์ต้องหารสองครับ

4.หัวหน้างานที่ดีต้องรักในงานที่ทำ

พร้อมต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคที่เข้ามา คนที่เป็นหัวหน้างาน ต้องมีใจรัก

ในงานที่ทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะหากเรารักในงานที่ทำ

ใจเราพร้อมยืดหยัดต่อสู้ ให้งานนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งเราย่อม

ต้องถ่ายทอดความคิดนี้ สู่ลูกน้องเรา เพราะหากลูกน้องเรา มีใจรักในงานที่ทำ

ทุกคนเขา ย่อมเข้าใจ และพร้อมต่อสู้ฝ่าฟั นปัญหาไปด้วยกัน

5.หัวหน้างานที่ดีต้องหัดเป็นคนที่เปิดใจรับฟังสิ่งต่างๆรอบตัว

การคิดคนเดียว ย่อมได้เพียงมุมเดียว แต่หากเรายอมเปิดใจ

ฟังคนละเล็กละน้อย ข้อมูลในหัวเรา ย่อมมีมากขึ้น และนั่นย่อม

ทำให้เราได้ข้อมูลในการคิดวิเคราะห์แยกแยะ ก่อนตัดสินใจ

คนที่เป็นหัวหน้างาน ต้องกล้าเปิดใจฟัง สิ่งต่างๆจากคนรอบข้าง

เพื่อนำมาปรับใช้ ให้งานเดินหน้าต่อไป ถึงแม้บางครั้ง

ฟังแล้วไม่ใช้ในตอนนี้ แต่ใครจะรู้ว่าอนาคต อาจมีโอกาส

หยิบมาใช้ ก็ย่อมเป็นไปได้ อย่างน้องการฟัง ก็ทำให้เรา

มีความรู้ที่มาก หากความรู้นั้น เป็นประโยชน์

ยกเว้นความรู้ ที่ไม่เป็นประโยชน์ ต้องพร้อมดีดทิ้งในทันที

6.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง เดินตรวจสอบการทำงาน

เดินหน้าแก้ไขปัญหา และพาทีมไปสู่เป้าหมายเดียวกัน การทำงาน

หากหัวหน้านั่งอยู่บนหอคอย อันส่งเกียรติอย่างเดียว แล้วจะรู้ได้อย่างไร

ว่างานนั้นเกิดปัญหาจากส่วนไหน อวัยวะในร่างกาย ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด

นั่นคือขา แต่ขาก็ทำให้เราสามารถ โยกย้ายจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่ง

หากเราใช้ขาในการก้าวเดิน เสมือนทำงาน ย่อมต้องมีเป้าหมายครับ

การย่ำอยู่กับที่ ไม่สามารถขับเคลื่อนทีมงาน ไปสู่เป้าหมายได้

ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายได้ ก็ต้องกล้าเดิน แต่หากเดินแล้วผิดทาง

ย่อมสามารถถอยหลัง กลับมาตั้งหลักได้เสมอ คนเป็นหัวหน้างาน

ต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง รู้จักเดินดูหน้างาน สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว

หากเจอปัญหา ก็นำมาแก้ไข ไม่ปล่อยปัญหานั้น ให้บานปลาย

อีกทั้งยังทำให้ลูกน้อง สามารถสอบถาม หรือขอคำแนะนำ

จากหัวหน้าได้ในทันที รู้แล้วก็เดินบ้างนะครับ จะได้แข็งแรง

7.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตต่องานที่ทำ

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นคำกล่าว ที่ผมเห็นด้วยมากๆ

เพราะคนเรา หากไม่ซื่อสัตย์ แล้วอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ กลับกัน

หากเราเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตอยู่ที่ไหน ใครๆก็อย ากร่วมงาน

ดังนั้นหัวหน้างานที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ในทุกๆด้าน

ทั้งเรื่องตนเอง เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และเรื่องสังคม

เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้องต่อไป

8.หัวหน้างานที่ดีต้องสามารถลงมือทำให้ลูกน้องเห็นเป็นแบบอย่าง

ว่าเราสามารถทำได้ หากพูดอย่างเดียว แต่ไม่ทำ ใครเขาจะเชื่อครับ

เหมือนสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า 100 คำพูด ไม่เท่ากับ 1 การกระทำ

ผมว่าจริงนะครับ พูดแล้วทำย่อมทำให้ ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่าง เช่น

หากเราเป็นคนที่มาทำงานสายเป็นนิจ แบบนี้จะกล่าวตักเตือนลูกน้อง

ที่มาสาย ก็ย่อมย ากครับ ที่ลูกน้องจะเชื่อเรา มันเข้าตัว

แต่หากเรามาเช้าทุกวัน แบบนี้ลูกน้องก็คงเกรงใจ และไม่กล้ามาสาย

หรือหากมาสาย เราจะเรียกมาคุย เพื่อปรับพฤติกร รมลูกน้องคนนั้น

ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตะขิดตะขวงใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเราซึ่ง

ลูกน้องคนนั้น คงไม่กล้าเถียง เพราะลูกพี่เป็นตัวอย่างที่ดี

ในเรื่องที่ลูกน้องทำผิด พูด+ทำ ย่อมมีคุณค่าเสมอครับ

9.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักใช้ภาษากายควบคู่กับคำพูดและน้ำเสียง

ในการทักทาย การสื่อสารแบ่งออก เป็น 3 แบบ คือภาษาพูด ภาษากาย

และน้ำเสียง ซึ่งหัวหน้างานที่ดี ควรนำทั้ง 3 แบบนั้น ไปใช้พร้อมๆกัน

เช่น หากมีลูกน้องที่อายุมากกว่าก็ใช้การทักทาย โดยยกมือไหว้สวัสดี

เมื่อลูกน้องคนนั้นเห็น เขาจะเกรงใจเรา เนื่องจากเรา ให้เกียรติต่อเขาก่อน

เป็นต้น หรือหากเรามีลูกน้อง ที่อายุน้อยกว่าการไหว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด

เพราะประเทศไทยเรา ขึ้นชื่อว่ายิ้มสวย และไหว้สวย การรักษาขนบธรรมเนียม

ประเพณีไทย ไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่คนที่เห็น เขาจะนำไปยกย่องและชื่นชม

นะครับเรื่องดีๆทำไปเถอะ!!

10.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนตรงต่อเวลามาเช้ากลับทีหลัง

เรื่องเวลาในการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องวินัยของตนเอง ที่ต้องพึงกระทำ

เพราะทุกองค์กร ย่อมมีเวลาเข้า เวลาออกที่ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาเข้า

ก็ควรมาล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 30 นาที ก่อนเริ่มงาน เพื่อเตรียมตัว

เตรียมใจ วางแผนในการทำงาน เพื่อนำข้อมูล มาประชุมลูกน้อง

ก่อนเริ่มงาน จะได้เข้าใจตรงกัน ใครมีข้อสงสัย มีปัญหาก็ควรกันให้เรียบร้อย

ก่อนเริ่มงาน หากหัวหน้าทำแบบนี้ได้ทุกๆวัน รับรองปัญหา

จะน้อยลง และทำให้หัวหน้า มีเวลาไปคิดเรื่องงานให้มากขึ้น

ดีกว่ามานั่งปวดหัว กับปัญหาคนในทุกๆวันครับส่วน

การกลับทีหลัง อันนี้ก็สำคัญ เพราะเรามีความรับผิดชอบที่สูงกว่าลูกน้อง

ก่อนกลับก็ตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน จดบันทึกข้อมูล

ความผิดพลาดความสำเร็จของงาน ในแต่ละวัน เพื่อนำมาประกอบ

ในการพูดคุยกับลูกน้องในเช้าวันถัดไปครับ

11.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความเชื่อมั่นต่อลูกน้อง

และเชื่อมั่นต่อปัญหาว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ความเชื่อ

นับเป็นจุดเริ่มต้น ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ โดยเฉพาะ

หากรับนโยบายจากผู้บริหารมาแล้ว ไม่มีความเชื่อ

การทำงานย่อมทำไปวันๆ ทำอย่างไร้เรี่ยวแรง และทำอย่าง

ไม่มีความสุข เพราะสมองถูกปิดกั้น เรียบร้อย จากความเชื่อที่คิดว่า

ทำไม่ได้ และหากหัวหน้าท้อซะแล้ว ลูกน้องย่อมท้อตาม

และสุดท้ายผลงานไม่ได้ก็ถูกผู้บริหารตำหนิอีก คราวนี้ไปกันใหญ่เลยครับ

ดังนั้นความเชื่อนับว่า เป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมทุกอย่าง แค่เราเปลี่ยนจากคำว่า

ทำไม่ได้ เป็นเชื่อว่าเป็นไปได้ และพร้อมคิดค้นหาวิธี การเชื่อมโยงเ พื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย

หากว่าผิดพลาด ผมเชื่อว่าเราจะไม่เสียใจเพราะทำเต็มที่และพร้อมปรับเปลี่ยน

แก้ไขผู้บริหารย่อมเข้าใจเสมอ แต่อย่าผิดพลาดในเรื่องเดิมๆนะครับ แบบนั้นตัวใครตัวมันครับ

12.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน

ไม่ยกตนข่มท่าน คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ใครๆก็รัก ใครๆก็เอ็นดู

คนที่เป็นหัวหน้างาน เมื่อมีลูกน้องแล้ว ก็ต้องเป็นคนที่เข้าถึงง่าย

ไม่โอ้อวดว่าเ ราใหญ่เราเป็นหัวหน้างาน อีกทั้งการประพฤติตนเอง

ต่อผู้บังคับบัญชาของเรา ก็ต้องให้เกียรติท่านเสมือนเรา เล่นบทบาท ของผู้ตาม

เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างคุณค่าแต่ไม่ใช่ประจบสอพอนะครับ

ใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์+พฤติกร รมที่ดีเ หนือฟ้ายังมีฟ้านะครับ

การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งที่ควรทำต่อคนรอบข้าง ทำให้เหมือนกัน

ในทุกๆวันแบบนี้ย่อมได้ใจทั้งต่อผู้บังคับบัญชาเรา และผู้ใต้บังคับบัญชา

และหากวันหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาเรา ชื่นชมมา เราต้องให้เกียรตินั้นต่อ ลูกน้องของเรา

มากกว่าตัวเรา เพราะงานจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีคนปฏิบัติ ให้เครดิต ต่อลูกน้อง ลูกน้องจะมีกำลังใจทำงานต่อไป

กลับกันหากผู้บังคับบัญชา ตำหนิในผลงานลงมา หัวหน้างานที่ดีต้องพร้อมรับแทนลูกน้อง

และนำข้อผิดพลาดนั้นมาประชุมกับลูกน้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไปในอนาคต

13.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักคิดในเชิงป้องกัน ก่อนลงมือทำ

เหรียญย่อมมี2ด้านให้คิด การคิดก็มี 2ด้ านทั้งการคิดบวกและคิดลบ ซึ่งการคิดบวก

เป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราหมดทุกข์แต่หากไม่อย ากทุกข์ ก็ต้องคิดลบ

แต่เป็นการคิดลบ ในเชิงของการป้องกัน วางแผนก่อนลงมือ

ทำหัวหน้างานที่ดี นอกจากการเปิดใจรับฟังแล้ว ก็ต้องนำมาข้อมูล

มาคิดมาวางแผน ซึ่งการวางแผน ก็ต้องมีการประชุมเพื่อหาข้อมูล

ก่อนตัดสินใจ เพราะหากเราไม่อย ากเสียเวลา แก้ไขก็ต้องวางแผนให้รอบคอบ

รอบด้าน แต่การวางแผนเยอะเกินไป ก็ทำให้เราไม่กล้าลงมือทำผมยังเชื่อเสมอคิดวางแผนสำคัญ

แต่ไม่เท่าลงมือทำสำคัญกว่า แต่หากไม่คิดไม่วางแผนแล้วทำอย่างเดียวแบบนี้

เสียเวลาแก้ไขนานโขครับคิด+วางแผน+ลงมือทำ+กล้ายอมรับผลกับสิ่งที่ทำ=ประสบการณ์

และเมื่อมีประสบการณ์แล้ว เราจะเห็นทางสว่างในอนาคตครับ

สรุป

ทำดี=ให้เครดิตลูกน้อง ทำผิดพลาด=รับหน้าแทนลูกน้องเสมอครับ

14.หัวหน้างานที่ดีต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

เพื่อใช้ในการปกครองคนคุณธรรม คือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเรา หากเรามีคุณธรรมในใจเยอะ

ทำสิ่งใดเราจะคิดก่อนทำ ผมฝากหัวหน้างานทุกคน ให้มีคุณธรรมคือธรรมมะ

ในการครองตนเอง เช่นการถือศีล 5ก ารยึดหลักพรหมวิหาร4(เมตตากรุณามุทิตาและอุเบกขา)

คิดดีพูดดีทำดี

มีความรู้ผิดชอบชั่ วดี

มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

ฯลฯ

15.หัวหน้างานที่ดีต้องคิดเสมือนเราเป็นเจ้าขององค์กร

รู้จักทำงานเชิงรุกและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงานการที่องค์กร

แต่งตั้งเราขึ้นมา นำคนอื่นๆนั้น เขา ย่อมเห็นคุณค่าในตัวเรา

และคาดหวังให้เราช่วยคิดวางแผนในการขับเคลื่อนคน เพื่อให้เกิดผลของงาน

บรรลุตามเป้าหมายขององค์กร ดังนั้น คนที่เป็นหัวหน้างานจำ ต้องเข้าใจในบทบาท

เข้าใจในสิ่งที่องค์กรกำลังก้าวเดิน เข้าใจวิสัยทัศน์พันธะกิจขององค์กร และสามารถนำ

มาเป็นแผนงานที่สามารถเดิน หน้าตามแผนได้ในทุกๆวัน ทุกเรื่องที่กล่าวมา

ล้วนเป็นสิ่งที่คนเป็น หัวต้องนำ ไปใช้ในการบริหางานบริหารคน

เพราะหากคนที่เป็นหัวหน้างาน สามารถปฏิบัติได้ครบทุกข้อ คนที่เห็นย่อมเชื่อมั่น

เชื่อถือและปฏิบัติตาม โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกน้องเ พราะหากเขามีหัวหน้างานที่ดีลูกน้อง

ย่อมโชคดีในการทำงานเพราะเขาสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์ และคุณธรรมในการนำไปใช้

เพื่อวันข้างหน้าหากเขาได้ขึ้น เป็นหัวหน้าย่อมสามารถการันตีว่าเขา

ย่อมเป็นหัวหน้างานที่ดีได้ เช่นกัน จากแบบอย่างที่เคยเจอมา ผมเชื่อเสมอครับ

หากเราจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้นั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อนใช้ทั้งคำพูด+การกระทำ

ในการทำให้คนรอบข้างเห็น และนำไปใช้ วันนี้ถามตนเองนะครับ

เราเป็นสุดยอดหัวหน้างานที่เก่งคิด เก่งงาน เก่งคนเ ก่งคุณธรรมหรือยังเชื่อผมเถอะ!!

ขอบคุณที่มา : drfish.training

Load More Related Articles
Load More By admin01 admin01
Load More In ข้อคิด

Check Also

นิสัย 5 ข้อที่หัวหน้าเก่ง ควรต้องมี

เป็นหัวหน้าหรือเป็นเจ้านายอย่างเรา ก็ลำบาก เวลาจะติเตือนลูกน้องแต่ละที เวลาที่ได้งานไม่โอเ…