
แนวคิดการเงิน เสมือนเป็นผลลัพธ์จากทัศนคติ ความรู้และความเข้าใจเรื่องราวการเงินในการดำเนินชีวิต
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ความเป็นไปของชีวิตเราส่วนหนึ่งถูกกำหนดมาจากเงิน ต้องทำงานเพื่อให้ได้เงิน ประเด็นคือ
แล้วเงินที่เราได้มานั้น ถูกนำไปจัดสรรบริหารอย่างถูกต้องจริงหรือไม่ ? ขอเสนอ 8 แนวคิดการเงิน เปลี่ยนชีวิต
เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานในการใช้จ่าย,เก็บออม, นำเงินไป ล ง ทุ น ซึ่งไม่ควรรู้เพียงวิธีการจัดการ
ทางการเงินอย่างเดียว แต่ควรรู้ไปถึงวิธีการจัดสรรชีวิตตนเองด้วย รายละเอียดดังนี้
1 . ระดับเงินกับระดับความสุขไม่เกี่ยวข้องกันเสมอไป
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกอย่างทำให้ดูเหมือนว่า ชีวิตนี้จะต้องรวยเท่านั้น ถึงจะสบายได้ สร้างภาพลวงตาว่า
มีเงินมากขึ้นจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น สังเกตได้จาก รายได้เฉลี่ยประชากรในตัวเมืองย่อมสูงกว่าพื้นที่ชานเมืองออกไป
คำถามคือ คนที่ย้ายเข้ามาทำงานในเมืองมีความสุขเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?คำตอบ คงสะท้อนภาพการใช้ชีวิตคนเมืองที่ดูต้องเร่งรีบ
รับแรงกดดันในการทำงาน และแข่งขันกับเวลาอยู่ตลอดเวลาแสดงว่า รายได้ที่ได้รับเพิ่มมากขึ้น 20 %
ไม่ได้ทำให้ความสุขเพิ่มขึ้น 20 % เลยสักนิดทั้งนี้ แน่นอนว่า เงินสามารถซื้อความสะดวกสบายและความปลอดภัย
ในชีวิตได้ และส่งผลต่อระดับความมั่นคงทางการเงินได้แต่ไม่เสมอไปสำหรับความคิดที่ว่า ฉันจะได้รับความสุขมากขึ้น เมื่อฉันมีเงินมากขึ้น
2 . สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด คือ ตัวเราเอง
เมื่อถึงวัยเกษียณอายุ หลายคนเกษียณพร้อมกับเงินก้อนโต ตามระดับความสามารถของตนตามตำแหน่งหน้าที่การงานที่สิ้นสุดลง
เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ใช้ดำเนินชีวิตหลังเกษียณช่วงชีวิตที่ไม่มีรายได้อีกต่อไป แน่นอนว่าโอกาสที่เราจะใช้เงิน ย า ม ช ร า
แบบสบายๆเป็นเรื่องที่ ย า กเมื่อถึงเวลานั้น ความคิดที่ว่า จะใช้เงินส่วนนี้ไปกับการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก คงเป็นเพียงเรื่องลอยลม
เพราะนอกจากการใช้จ่ายอยู่กินแล้วยังมีเรื่องสำคัญที่หลีกเลี่ยงได้ ย า ก อย่างการ รั ก ษ า ความ เ จ็ บ ป่ ว ย โอกาสที่เงินก้อนนั้นของ
คุณจะกลายเป็นค่า รั ก ษ า พ ย า บ า ล ตัวเองจึงสูงมากดังนั้น การดำเนินชีวิตแบบสมดุลทั้งกายและใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
รั ก ษ า สุ ข ภ า พการกินการออกกำลังกาย ให้เหมือนกับ การ รั ก ษ า เงินทองในธนาคาร
3. เปรียบเทียบความสามารถในการสร้างรายได้และรายจ่าย
หลายครั้งที่เราใช้จ่ายเงินออกไม่โดยไม่รู้ตัว เป็นเพราะไม่ทราบต้นทุนด้านเวลาของตัวเองยกตัวอย่างเช่น เงินเดือน 20,000 บาท
เวลางาน 176 ชม.ต่อเดือน (= 22วัน x 8ชม) เฉลี่ยรายได้ 114 บาทต่อชม. ( = 20,000/176)แสดงว่าการกิน บุ ฟ เ ฟ่ ต์ ปิ้ ง ย่าง
ราคา 500 บาทในเวลาชั่วโมงครึ่ง ต้องแลกกับการทำงานครึ่งวัน เป็นต้นการเปรียบเทียบความสามารถทางรายได้กับสิ่งที่เรากำลัง
จะใช้จ่ายไป ในหน่วยเวลาเหมือนกันจะช่วยดึงสติการใช้จ่ายไม่เป็นเหตุเป็นผลของเรากลับมาได้ ลักษณะนี้ยังสามารถ
ประยุกต์ใช้กับการว่าจ้างคนงานในลักษณะงานไม่สำคัญเช่น การทำงานบ้าน การทำงานที่เสียเวลาและไม่มีความสำคัญ เป็นต้น
หากการจ้างงานนั้นมีต้นทุนที่ถูกกว่าการเสียเวลาลงมือทำเองเพราะจากชั่วโมงเดียวกัน เราสามารถใช้ให้ก่อประโยชน์เกิดรายได้ที่สูงกว่าค่าจ้างที่เราจ่ายไป
4. เงินออกต้องน้อยกว่าเงินเข้า
วิธีเดียวที่จะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในฐานะการเงินได้ คือ การมีเงินเหลือจนถึงสิ้นเดือน แสดงให้เห็นว่า
กระแสเงินสดไหลออกไปน้อยกว่ารายได้ที่ไหลเข้ามา แม้ว่าสถานะการเงินตอนนี้ จะไม่มีเหลือเก็บออมหรือ ล ง ทุ น
แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นหนี้การดำเนินชีวิตแบบใช้เงินอนาคตในสินทรัพย์จำเป็น เช่น บ้าน จริงอยู่ที่มันตอบสนองความ
ต้องการด้านที่อยู่อาศัยได้ทันที แต่ก็ อั น ต ร า ย หากต้องแบกรับภาระหนี้ก้อนโตในช่วงที่ความสามารถทางการเงินยังมีไม่มากพอ
ดังนั้น กระแสเงินสดไม่ว่าจะไหลเข้าหรือไหลออกจึงควรมาจากสิ่งที่วางแผนไว้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญแบบไม่มีที่มาที่ไปหรือไร้ประโยชน์
การ รั ก ษ า ความสามารถทางการเงินจากการลดค่าใช้จ่ายในสิ่งไม่จำเป็น ประเมินและจัดลำดับความสำคัญทางการเงินอย่างระมัดระวัง
อาจจะสร้างความ อึดอัดเล็กน้อยในวันนี้ เพื่อความมั่นคงทางการเงินที่ดีในอนาคต
5. แบ่งจ่ายตัวเองก่อนเสมอ
กฎทองของการเงินส่วนบุคคล หมายความว่า เราควร แบ่งจ่ายตนเองเพื่อการออมและการ ล ง ทุ น ก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
ส่วนที่เหลือค่อยนำไปใช้จ่ายคนอื่น เรื่องง่ายที่ใครก็รู้ แต่ ย า ก ที่จะทำ ดังนั้น ควรสร้างระบบตัดเงินอัตโนมัติการบัญชีเงินเดือนของคุณ
ทันทีที่มีเงินเดือนเข้า มันจะถูกตัดไปบัญชีเพื่อการ ล ง ทุ น และบัญชีเงินออมก่อนเสมอ เช่น กองทุนรวม ,
บัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น เลือกเงื่อนไขตามความมีระเบียบวินัยในตัวเอง
6. อดีตผ่านไปแล้ว การเงินเริ่มต้นที่ปัจจุบัน เป้าหมายคืออนาคต
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ขอเปรียบเทียบดังนี้ ในโลกธุรกิจ จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมาแล้วแต่ปัจจุบันก็ไม่ได้รับประโยชน์
ที่เรียกว่า ต้นทุนจม สมมติว่า บริษัทขุดเจาะน้ำมัน ใช้งบ ล ง ทุ น มากมายในการขุดเจาะค้นหาน้ำมัน
ขุดไปลึกเท่าใดก็ยังไม่เจอน้ำมันสักที ประเด็นที่เกิดขึ้น คือ จะยังขุดต่อไป หรือ เปลี่ยนตำแหน่งขุดใหม่ดี ?
สะท้อนให้เห็นว่า การตัดสินใจปัจจุบันขึ้นอยู่กับว่า ทำอะไรแล้ว จะเกิดสิ่งที่ดีที่สุดในอนาคต ไม่ได้ย่ำ
อยู่กับอดีตที่ผิดพลาดและ เ จ็ บ ป ว ด การเงินส่วนบุคคลก็เช่นกันเราทุกคนล้วนเคยมีต้นทุนจม ที่
รอคอยความคาดหวังว่าจะได้ทุนกลับคืนมา เช่น ล ง ทุ น ผิดจังหวะ , ใช้จ่ายซื้อของไร้ประโยชน์ เป็นต้น
การรอคอยบนพื้นฐานข้อผิดพลาดในอดีตไม่มีประโยชน์ต่อความสำเร็จใดๆ เก็บสิ่งผิดพลาด
ในอดีตเป็นบทเรียน แล้วตัดสินใจ เลือกทำสิ่งปัจจุบันที่ก่อประโยชน์ที่ดีที่สุดในอนาคตย่อมดีกว่า
7. ยิ่ง ล ง ทุ น เร็ว ยิ่งสำเร็จเร็ว
หนึ่งในแนวคิดทางการเงินที่สำคัญที่สุด และเป็นความจริงที่เข้าใจได้อย่างดีที่ว่า ยิ่ง ล ง ทุ น เร็ว
ยิ่งได้เปรียบในเรื่องประสบการณ์ความรู้และระยะเวลาที่ใช้ ล ง ทุ น ในชีวิต แม้จะไม่ได้เป็นเรื่องง่าย
แต่ก็เป็นประเด็นที่สามารถสร้างข้อแตกต่างระหว่างความ ย า ก จนและความมั่นคั่งในอนาคตได้ เพราะ
พลังการทบต้นของผลประโยชน์จากการ ล ง ทุ น เป็นเรื่องอัศจรรย์ ดังนั้น อย่ารอช้าในการเริ่มต้นวางแผนออม
และ ล ง ทุ น ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อการเกษียณอายุจะไม่สายเกินไปในชีวิตการทำงานของเรา เริ่มต้น
นิสัยของการ ล ง ทุ น ขั้นต่ำ 10 % ถึง 15 % ของรายได้ทุกเดือน ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในชีวิตก็ตาม
8. อ ย า ก เปลี่ยนผลลัพธ์ ต้องเปลี่ยนที่สาเหตุ
ทำสิ่งเดิม ผลลัพธ์ย่อมออกมาแบบเดิมตามที่เคยได้รับ เปรียบเช่นเดียวกับ การทำพฤติกร รมทางการเงินผิดๆ
เหมือนในอดีตย่อมสร้างปัญหาการเงินอย่างที่เคยเป็นมาในอดีด หากยังไม่หยุดคิดที่จะเริ่มปรับปรุงพฤติกร รม
ทางการเงินหรือสร้างความมั่งคั่ง อาจจะต้องปรับทัศนคติใหม่อย่าง รุ น แ ร งต้องลองอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม
อย่างสิ้นเชิง เช่นย้ายที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน , ใช้รถคันเก่าแทนการเป็นหนี้รถคันใหม่ , การหางานใหม่ที่ให้เงินเดือนที่ดีกว่าเดิม ,
เริ่มต้นธุรกิจหารายได้เสริม เป็นต้น คนประสบความสำเร็จทั่วไปไม่ได้ฉลาดหรือโชคดีกว่าคนอื่น
เพียงแต่พวกเขาเลือกใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและเห็นคุณค่าการดำเนินชีวิตกว่าคนทั่วไป
ดังนั้น ควรคิดอย่างรอบคอบว่า พฤติกร รมตัวเราในตอนนี้ สามารถนำพาเราเข้าใกล้เป้าหมายได้จริงไหม ?